ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) ขานรับผลประกอบการและข่าวการควบรวมกิจการในภาคเอกชน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและตัวเลขการสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 61.53 จุด หรือ 0.50% แตะที่ 12,288.17 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 8.31 จุด หรือ 0.63% แตะที่ 1,336.32 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่ง 21.21 จุด หรือ 0.76% แตะที่ 2,825.56 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 930 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการและข่าวการควบรวมกิจการใน ภาคเอกชน รวมถึงบริษัท NYSE Euronext ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่ประกาศควบรวมกิจการกับบริษัท Deutsche Boerse ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดหุ้นเยอรมนี เพื่อก่อตั้งบริษัทบริหารตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยผู้ถือหุ้นของ Deutsche Boerse จะถือหุ้น 60% และผู้ถือหุ้นของ NYSE Euronext จะถือหุ้น 40% ของบริษัทร่วมทุน
หุ้นแฟมิลี ดอลลาร์ สโตเรส แอนด์ อิงค์ ปิดพุ่ง 21% หุ้นจากบริษัทเปิดเผยว่า เนลสัน เพลท์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกชั้นนำ ได้เสนอเทคโอเวอร์กิจการแฟมิลี ดอลลาร์ มูลค่า 60 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่หุ้นเจนไซม์ คอร์ป ปิดบวก 1.1% หุ้นจากซาโนฟี-เอเวนติส ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส ตกลงซื้อกิจการเจนไซม์ มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเดลล์ อิงค์ ปิดพุ่ง 12% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2554 ขณะที่หุ้นอาเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ปิดบวก 7.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 4 พุ่งขึ้นเกินคาด ส่วนหุ้นคอมคาสท์ ปิดบวก 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงรายงานตัวเลขสร้างงานเดือนม.ค.ที่พุ่งขึ้น 14.6% แตะที่ 596,000 หลัง ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 20 เดือน และมากกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 535,000 หลัง
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่นน้ำมันดิบ ส่งผลให้ราคาสินค้าประเภทอื่นๆในสหรัฐปรับตัวขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.ของสหรัฐ หดตัวลง 0.1% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% เนื่องจากสภาพอากาศที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติทำให้ผลผลิตด้านสาธารณูปโภคปรับ ตัวลดลง ขณะที่ผลผลิตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, เฟด สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.พ.และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
http://www.mtsgold.co.th/th/news/financial/index.php?ELEMENT_ID=5291