ดัชนี ดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐจะพุ่งขึ้น เกือบ 11% ของตัวเลขจีดีพี หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เสนอร่างงบประมาณมูลค่า 3.73 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 5.07 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 12,268.19 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.17 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 1,332.32 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 7.74 จุด หรือ 0.28% แตะที่ 2,817.18 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 817 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 1 ต่อ 1
สำนัก ข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากประธานาธิบดีโอบามาได้เสนอร่างงบประมาณมูลค่า 3.73 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมกับเสนอให้มีการลดยอดขาดดุลของสหรัฐลง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะมียอดขาดดุลงบประมาณสูงถึง 1.65 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 11% ของตัวเลขจีดีพีในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการขาดดุลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ข้อ เสนอของโอบามาครอบคลุมถึงการตรึงงบประมาณการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงการเสนอให้มีการคงระดับการใช้จ่ายประจำปีบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ด้านกลาโหมเอาไว้เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถประหยัดงบประมาณได้กว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
นอก จากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นวอล-มาร์ท สโตเรส อิงค์ หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ได้ปรับลดแนวโน้มผลประกอบการของวอล-มาร์ท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำจะหันไปจับจ่ายใช้สอยในห้างที่มีการลด ราคา ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นวอล-มาร์ทปิดร่วง 1.6% ซึ่งถือเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ 30 ตัวที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
หุ้น เอ็มจีเอ็ม รีสอร์ทส์ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ปิดร่วง 3% หลังจากบริษัทรายงานการขาดทุน 139 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นัก ลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคง คลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., กระทรวง แรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนธ.ค.
วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง เดือนม.ค., เฟด จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน ม.ค. และเฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน FOMC เมื่อวันที่ 26 ม.ค.
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, เฟด สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.พ.และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
http://www.mtsgold.co.th/th/news/goldnews/index.php?ELEMENT_ID=5278